เรื่องน่ารู้ของขิง กับการควบคุมน้ำหนัก
หน้าแรกประโยชน์ของขิงเรื่องน่ารู้ของขิง กับการควบคุมน้ำหนัก
ขิง (Ginger) เป็นสมุนไพรไทยทรงพลัง มีลักษณะเป็นลำต้น หรือเหง้าใต้ดินในเขตร้อน ที่ใช้เป็นอาหารและยามานานนับพันปี ประกอบด้วยส่วนผสมที่ออกฤทธิ์หลายอย่าง รวมถึงสารฉุนที่เรียกว่า จิงเจอร์รอล และ โชโกล มีการนำขิงมาใช้กันอย่างยาวนานในหลายประเทศ และหลากหลายวัฒนธรรม ด้วยคุณสมบัติของขิง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายหลายด้าน เพราะขิงอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ ที่สำคัญต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น นอกจากนี้ ขิงยังให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน และยังมีเส้นใยเพื่อการขับถ่ายจำนวนมาก และขิงถูกนำมาใช้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพ
ขงจื๊อ ปราชญ์จีนสมัยชุนชิว (ค.ศ.๔๗๙ - ค.ศ.๕๐๐) ได้กล่าวไว้ “อาหารทุกมื้อไม่ควรละเลยขิง” เชื่อว่าในบรรดาพืชผักต่างๆ ขิงมีคุณค่ามากที่สุด ดังนั้น “ขิง” จึงจัดเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และชะลอการเกิดริ้วรอย ป้องกัน และบรรเทาอาการ หรือโรคร้ายต่าง ๆ ด้วย
หรือแม้แต่นำมาปรุงอาหาร เพราะเอกลักษณ์ของขิง ทั้งกลิ่น รสชาติ ที่เผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากหลาย ๆ คน แต่ขิงก็เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย ในหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือแม้กระทั่งอาหารควบคุมน้ำหนัก และเครื่องดื่มควบคุมน้ำหนักด้วย
มีการทดสอบผลของสรรพคุณเผาผลาญของ “ขิง” โดยสถาบันโภชนาการมนุษย์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้าร่วมทำการทดลองดื่มน้ำขิงที่ใช้ขิงผงสำเร็จรูป 2 กรัม ละลายในน้ำ 1 แก้ว ดื่มหลังอาหาร ซึ่งเมื่อปล่อยให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานทำงานไปจนครบ 6 ชั่วโมง นักวิจัยก็ทำการตรวจวัดค่าการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ปรากฏว่าได้ผลดังนี้
พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นในขณะดูดซึม ย่อยอาหาร เพิ่มขึ้น 22.3 – 64.1 กิโลแคลอรี่ โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มอาสาสมัครที่ไม่ได้ดื่มน้ำขิง นั่นหมายความว่าอาหารที่กินเข้าไปนั้น ไม่ได้ไปเพิ่มสะสม แต่สลายเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นนั่นเอง
และยังพบด้วยว่า หลังจากดื่มน้ำขิงเข้าไปแล้ว ความอยากอาหารในแต่ละวันก็ลดน้อยลงด้วย จึงไม่ค่อยทานจุบจิบ และทานได้น้อยลงด้วย ทำให้โอกาสเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเพิ่มก็ลดน้อยลงด้วย
ในแง่ของการขับถ่าย ขิงยังมีสรรพคุณช่วยให้การขับถ่ายของเราเป็นปกติ เมื่อระบบขับถ่ายดี การขนส่งของเสียในร่างกายไม่ติดขัด ร่างกายก็สามารถขับของเสียออกไปได้หมด โดยของเสียเหล่านั้นไม่ย้อนกลับไปทางเลือด ก็จะทำให้ระบบการย่อยอาหารของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลำไส้ใหญ่ทำงานได้เป็นปกติ ก็จะช่วยป้องกันปัญหาท้องผูก ไม่สะสมของเสียไว้ในร่างกาย ปัองกันอาการท้องป่องได้ เมื่อขับถ่ายดี น้ำหนักก็ลดลงได้ดีเช่นกัน
เช่นเดียวกับผลจากการศึกษาของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น L.K. Han ที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Journal of the Pharmaceutical Society of Japan ในปี 2008 ซึ่งค้นพบว่า ขิงเป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการทำงานของระบบเผาผลาญ จึงทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันได้มากกว่าปกติ และมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก อย่างได้ผล นอกจากนี้ การดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ยังเป็นผลดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูก และลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล อันเป็นสาเหตุของความเครียดได้เป็นอย่างดี เพราะเวลาที่เราเครียดก็จะยิ่งทำให้มีแนวโน้มกินอาหารที่มีแคลอรีสูง หรือกินของหวานเพิ่มมากยิ่งขึ้น จนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ ฉะนั้น น้ำขิงจึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการดื่มเพื่อควบคุมน้ำหนักด้วยตัวเองอย่างมากที่สุด แถมถ้าดื่มทุกวันด้วยละก็ ยิ่งได้ประโยชน์มากมายหลายต่อเลยทีเดียว
นักวิจัยจากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร "Food and Function" ในปี 2013 ระบุว่ากลไกที่ขิงอาจลดคอเลสเตอรอลนั้นเป็นที่เข้าใจกันดีโดยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยคนอื่นๆ พวกเขาอธิบายว่าขิงกระตุ้นเอนไซม์ที่เพิ่มการใช้คอเลสเตอรอลของร่างกายและลดปริมาณลง การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าขิงสามารถลดคอเลสเตอรอลสูงที่เกิดจากการทดลองในสัตว์ได้ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของขิงต่อมนุษย์ที่มีคอเลสเตอรอลสูง ก่อนที่จะใช้สารนี้ในการรักษาคอเลสเตอรอลสูง คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และคอเลสเตอรอลรวมในระดับสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด คอเลสเตอรอลรวมพิจารณาระดับของทั้งไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูงหรือคอเลสเตอรอลที่ดี ตามที่ Mayo Clinic อาหารของคุณมีบทบาทสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอล การเพิ่มเครื่องดื่มบางชนิดในอาหารของคุณอาจเป็นประโยชน์
การวิจัยและการปฏิบัติงานด้าน ระบบทางเดินอาหาร ในเดือนมีนาคม 2015 ประเมินบทบาทของขิงในการป้องกัน และรักษามะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งระบบทางเดินอาหาร เป็นคำที่ใช้เรียกมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตับ กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร ถุงน้ำดี และอวัยวะอื่นๆ ที่มีหน้าที่ในการย่อยอาหาร นักวิจัยระบุว่าขิงอาจกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง ลดอุบัติการณ์ของ (adenomas เนื้องอกจากต่อมหรือส่วนที่คล้ายต่อม) และยับยั้งสารประกอบบางชนิด ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้องอก
นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าขิงบรรเทาอาการปวดท้อง ลดไขมันในตับ และเพิ่มการตอบสนองของอินซูลิน ยิ่งไปกว่านั้น ผลข้างเคียงของขิงยังเล็กน้อย ในบางกรณี ทำให้ระบบย่อยอาหาร หรือไม่สบายเล็กน้อย ที่มีอาการเสียดท้อง ขิงยังช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย เนื่องจากคุณสมบัติในการระงับความอยากอาหาร และการเผาผลาญไขมัน
ทำไมการดื่มน้ำขิงถึงช่วยควบคุมน้ำหนัก ?
- สาร Gingerol & Shogaol [1] เป็นสารที่ให้รสเผ็ดร้อน ช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย เมื่อสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปขยายผนังหลอดเลือดทำให้เลือดไหวเวียนได้ สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กระตุ้นการทํางานของกล้ามเนื้อที่ระบบทางเดินอาหารให้มีการบีบตัวมากขึ้น จึงเกิดการขับลมออกมา
- สาร Adiponectin [2] ช่วยยับยั้งการผลิตกลูโคสในตับ และเพิ่มการออกซิเดชันของกรดไขมัน ในกล้ามเนื้อโครงร่าง ซึ่งร่วมกันทำให้เกิดการเผาผลาญที่เป็นประโยชน์ ในสภาวะสมดุลของพลังงานในร่างกาย และยังช่วยปกป้องการตายของเซลล์ ลดการอักเสบในเซลล์ประเภทต่างๆ ระดับการไหลเวียนของเลือดจะลดลงในผู้ที่มีโรคอ้วน โรคหลอดเลือดตีบตัน และภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งบ่งชี้ว่าการขาดสารนี้อาจมีบทบาทเชิงสาเหตุในการเกิดโรคนี้ ต้านไขมันในหลอดเลือด และต้านการอักเสบ และภายใต้สภาวะบางอย่างยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงด้วยสารชนิดนี้ มีหน้าที่ฟื้นฟูหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด ปรับความสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดได้
- สาร Thermogenic [3] ซึ่งเป็นสารที่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือ ช่วยเพิ่มเมทาบอลิซึมเพื่อเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงโดยการเพิ่มออกซิเดชันของไขมัน และไม่เพียงแต่จัดการกับสาเหตุของโรคอ้วนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการสูญเสียไขมันแทนที่จะเป็นเนื้อเยื่อไร้ไขมัน และปรับปรุงความไวของอินซูลิน การลดน้ำหนักอาจช้าแต่ยั่งยืนกว่า
- ลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล [4] ฮอร์โมนตัวนี้มีหน้าที่สำคัญต่างๆ เช่นรักษาระดับการเผาผลาญกลุโคสให้เหมาะสม ควบคุมความดันโลหิต รักษาระดับของอินซูลินในเลือด ทำให้ภูมิต้านทานต่างๆในร่างกายทำงานเป็นปกติ หรือตอบสนองต่อสภาวะเครียด เมื่อเกิดอาการเครียด ร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลออกมามากกว่าปกติ ซึ่งจะมีการเพิ่มของการไหลเวียนของกลูโคส โปรตีน และไขมัน ในกระแสเลือด อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายบริโภคไขมันมากขึ้น
- สารแอนตี้ออกซิเด้นท์สูงมาก [5] ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และเม็ดเลือดขาว ช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ สามารถช่วยร่างกายกำจัดสารพิษ ที่ทำให้เกิดการอักเสบและโรคร้าย ลดระดับคอเรสเตอรอล และอวัยวะภายในร่างกายจะทำงานดีขึ้น และนั่นก็จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้อย่างง่ายดาย
- ช่วยทำให้อุณหภูมิในร่างกายเหมาะสม หมายถึง อุณหภูมิในร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิในร่างกายของเราลดลงต่ำกว่า 37 จะทำระบบการย่อยหรือการเผาผลาญพลังงานไม่สมบูรณ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การดื่มน้ำขิงจะเข้าไปช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้กลับเข้าที่เข้าทาง ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้มากขึ้น เมื่อระบบไหลเวียนของเลือดดี การทำงานของอวัยวะภายในก็จะดีตามไปด้วย โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ถ้าลำไส้ใหญ่ทำงานได้เป็นปกติ ก็จะช่วยป้องกันปัญหาท้องผูก ไม่สะสมของเสียไว้ในร่างกาย ป้องกันอาการท้องป่องได้ด้วย
- ช่วยให้ขับถ่ายดี น้ำขิงมีสรรพคุณช่วยให้การขับถ่ายของเราเป็นปกติ เมื่อระบบขับถ่ายดี การขนส่งของเสียในร่างกายไม่ติดขัด ร่างกายก็สามารถขับของเสียออกไปได้หมด โดยของเสียเหล่านั้นไม่ย้อนกลับไปทางเลือด ก็จะทำให้ระบบการย่อยอาหารของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับถ่ายดี ก็ลดน้ำหนักดีเช่นกัน
- ช่วยดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย น้ำขิงเมื่อดื่มเป็นประจำ จะมีประโยชน์มากในการทำความสะอาดร่างกาย ดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้หมดไป ทั้งยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของน้ำเหลืองดีขึ้นอีกด้วย
ดีท็อกซ์ลำไส้ ด้วยขิง
ขิงถือเป็นสมุนไพรที่ช่วยดีท็อกซ์ตามธรรมชาติ เพราะช่วยบรรเทาเรื่องระบบทางเดินอาหาร และบรรเทาแก๊สเรียกว่ายาขับลม ขิงเป็นยาขับลมที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และเป็นตะคริว ตามที่ James A. Duke ผู้เขียน "The Green Pharmacy Guide to Healing Foods" สมุนไพรนี้ช่วยในการทำงานของลำไส้ และขับแก๊สออกจากทางเดินอาหาร
เหตุผลที่เราควรทำดีท็อกซ์ลำไส้
ดีท็อกซ์ ย่อมาจากคำเต็มๆ ว่า Detoxification เป็นวิธีการนำเอาสารพิษออกจากร่างกาย หรือที่คนไทยมักเรียกสั้นๆ ว่า “การล้างพิษ” แต่เดิมแพทย์แผนโบราณใช้วิธีการดีท็อกซ์หรือสวนล้างลำไส้ เพื่อรักษาโรคหรือการเจ็บป่วย โดยอาศัยวิธีสวนล้างอุจจาระ เวลาของเสียต่างๆ ถูกขับออกมาไม่หมดจะตกค้างที่ลำไส้ บางครั้งของเสียเหล่านี้จะเกาะติดอยู่ตามผนังของลำไส้จนเป็นตะกรัน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายไม่ออก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ ปวดท้อง ท้องเสีย บางคนอาจเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งริดสีดวงทวาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ฯลฯ ได้
ดังนั้นการดีท็อกซ์ก็เป็นการทำความสะอาด และขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ให้หมด หรือลดลงไป คนไข้หลายคนหลังจากที่ได้รับการดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้อย่างถูกต้อง ระบบไหลเวียนในร่างกายกลับสู่สภาพที่สมดุล จึงมีสุขภาพผิวพรรณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือร่างกายดูดซึมสารอาหารที่ดีได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
ขิงกับการย่อยอาหาร
เมื่อพูดถึงการรักษา “ขิง” อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการต่าง ๆ มาเป็นเวลานาน สมาคมโภชนาการแห่งอังกฤษ ตั้งข้อสังเกตว่าขิงมีประวัติการใช้เป็นวิธีการรักษาอาการคลื่นไส้ในระหว่างตั้งครรภ์มาอย่างยาวนาน จากข้อมูลของ NCCIH ยังใช้เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้จากการรักษาด้วยเคมีบำบัด และอาจมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการเมารถและคลื่นไส้หลังการผ่าตัด ผู้คนยังใช้มันเพื่อบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบ
สำหรับสาเหตุที่ขิงช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้นั้น มีทฤษฎีที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่ามันช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร แต่ในลักษณะที่ไม่รบกวนจังหวะของมัน ด้วยเหตุนี้จึงอาจมีประโยชน์ในการลดอาการปวดท้องที่เกี่ยวข้องกับ IBS Lisa Ganjhu, DO, รองศาสตราจารย์ด้านคลินิก และอายุรแพทย์ของแผนกระบบทางเดินอาหารและตับของ NYU Langone Health กล่าวว่า "ขิงสามารถทำหน้าที่คลายกล้ามเนื้อเรียบของทางเดินอาหาร และช่วยผ่อนคลายศูนย์อาการคลื่นไส้ในสมอง"
จากประโยชน์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ทราบเหตุผลแล้วว่า ทำไมน้ำขิงถึงสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งหากใครสามารถดื่มน้ำขิงได้ทุกวันนั่นย่อมเป็นการดียิ่งกว่าหลายเท่า ยิ่งทานมากก็ยิ่งได้ประโยชน์มากนั่นเอง
และหากช่วงนี้คุณสังเกตว่าตัวเองอ้วนขึ้น บางทีมันอาจถึงเวลาที่คุณควรทำอะไรสักอย่างแล้วละ อันดับแรก เราอยากให้คุณรู้ก่อนว่า เราไม่แนะนำให้คุณงดอาหารชนิดอื่น แล้วหันมาพึ่งการดื่มน้ำขิงเท่านั้น แต่เราจะใช้มันเป็นตัวช่วยควบคู่กันไปด้วย
วิธีควบคุมน้ำหนักด้วยตัวเองในแบบง่ายๆ ก็มีมากมายหลากหลายวิธี ทั้งเลือกทานอาหารควบคุมน้ำหนัก หรือจะลองดื่มน้ำขิงเพื่อควบคุมน้ำหนัก ก็ทำได้เช่นกัน ขอแนะนำสูตรน้ำขิงควบคุมน้ำหนัก แบบธรรมชาติ ด้วย 7 สูตรควบคุมน้ำหนักด้วยน้ำขิง เลือกสูตรที่ชอบได้เลย...
7 สูตร ควบคุมน้ำหนักด้วย “น้ำขิง”
สูตรที่ 1 สูตรน้ำขิงร้อน
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสด + น้ำเปล่า
วิธีทำ :
- หั่นขิงสดเป็นแว่น ๆ
- นำไปต้มในน้ำเปล่าจนเดือด พักพออุ่น ดื่มได้ทันที
สูตรที่ 2 สูตรน้ำขิงผสมมะนาว (สูตรทานง่าย)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสดขนาด 1/2 นิ้ว + น้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน
วิธีทำ :
- เตรียมน้ำอุ่นใส่แก้วไว้ 1 ใบ
- นำขิงมาแช่ลงในแก้วน้ำอุ่นประมาณ 3 - 5 นาที
- เติมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย หรือฝานมะนาวให้เป็นแผ่นบางๆ นำลงไปแช่ต่อในแก้วน้ำ
สูตรที่ 3 สูตร ขิงผสมสมุนไพร (ขิง ขมิ้น กระชาย) (เก็บไว้ชงทานได้นาน)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + ขมิ้น + กระชาย
วิธีทำ :
- ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกขิง ขมิ้น และกระชายออก
- หั่นสมุนไพรแต่ละชนิดออกเป็นชิ้นบางๆ นำเข้าเตาอบอบด้วยอุณภูมิประมาณ 40 - 60 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมงหรือวางสมุนไพรบนถาดแสตนเลส จากนั้นยกไปตากแดด 2 วัน จนกว่าสมุนไพรจะแห้ง
- นำสมุนไพรที่ได้มาเทใส่โหลแก้วเก็บไว้ให้ปลอดจากความชื้น
- หากจะใช้ดื่มให้หยิบสมุนไพรประมาณ 1 หยิบมือใส่ลงในแก้ว เทนำร้อนลงไปเกือบเต็มแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที และดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ จะให้ผลที่ดีที่สุด
สูตรที่ 4 น้ำขิงผสมตระไคร้ใบเตย
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + ตะไคร้ + ใบเตย + มะนาว
วิธีทำ :
- ปอกขิง ล้างให้สะอาด เเละทุบขิงให้พอหยาบ
- เตรียมน้ำ 2 ลิตร ตระไคร้ 4 ต้น ขิง 1 กำมือ ใบเตย 3 - 4 ใบ
- นำตะไคร้ลงไปต้ม ตามด้วยขิง เเละใบเตย หากใครชอบทานหวานสามารถเติบหญ้าหวานได้เล็กน้อย
- รอให้เดือดประมาณ 5 – 10 นาที
- ตักใส่แก้ว บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย เพิ่มความสดชื่น
สูตรที่ 5 สูตรน้ำขิงขมิ้นชัน
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ฝาน + ขมิ้นชัน + มะนาว
วิธีทำ :
- นำขิง และขมิ้นชัน นำมาปอกเปลือก และล้างทำความสะอาด
- ฝานขิงและขมิ้นเป็นชิ้น
- ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ขิงและขมิ้นลงไป แล้วต้มต่อด้วยไฟกลางค่อนอ่อนอีกประมาณ 20 นาที
- ตักใส่แก้ว เติมมะนาว และ หญ้าหวานได้ตามชอบ
สูตรที่ 6 น้ำขิงผสมกระชาย
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + กระชาย
วิธีทำ :
- นำกระชายมาหั่นเป็นแว่นเล็ก ๆ จากนั้นนำกระชายไปใส่เครื่องปั่น ผสมน้ำเปล่าครึ่งถ้วย
- ปั่นกระชายให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาแต่น้ำ แล้วเทใส่ขวดพักไว้
- ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ขิงฝาน
- ต้มต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 15 - 20 นาที
- นำน้ำขิงลงมาพักให้เย็น
- เตรียมเหยือก จากนั้นใส่น้ำขิง และน้ำกระชายลงไปผสมกันในสัดส่วน 1:1
- ตักใส่แก้ว เติมหญ้าหวาน (ปริมาณตามชอบ) พร้อมดื่ม
สูตรที่ 7 น้ำขิงกระเจี๊ยบแดง
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + กระเจี๊ยบแดงแห้งหั่น + น้ำเปล่า + หญ้าหวาน (หากต้องการให้ทานง่ายขึ้น) + น้ำมะนาว + เกลือ
วิธีทำ :
- ใช้มีดหั่นแง่งขิงแต่ละส่วนออกจากกัน ให้เป็นชิ้น ๆ จากนั้น ใช้ช้อนขูดเปลือกขิงออกให้เรียบร้อย
- เสร็จแล้ว ใช้มีดฝานแต่ละชิ้น เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วใช้สากหรือวัตถุที่มีความแข็ง ทุบลงไปให้เนื้อขิงแหลกออกมา จะทำให้ต้มได้ง่ายขึ้น
- ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มให้น้ำเดือด จากนั้น ใส่กระเจี๊ยบแห้ง ขิงแก่ ลงไป ต้มประมาณ 20 นาที จนน้ำมีสีแดง เสร็จแล้ว ใส่เกลือลงไป หญ้าหวาน (หากต้องการให้ทานง่ายขึ้น) คนให้ละลายเข้ากัน
- พอครบเวลาแล้ว ให้นำมากรองน้ำผ่านกระชอน รองด้วยผ้างขาวบาง คั้นน้ำลงไปในชามผสม พักทิ้งไว้ให้เย็น แล้วตักใส่แก้วดื่ม เป็นอันเสร็จ
ต้องดื่มน้ำขิงนานแค่ไหน ถึงจะเห็นผลในการควบคุมน้ำหนัก ?
เมื่อดื่มน้ำขิง ไปอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ดื่มน้ำขิง แบบไม่ใส่น้ำตาล (เน้นย้ำ! ต้มกับน้ำอย่างเดียว) ตามสูตรที่ 1 หรือ เลือกฮอทต้า ขิง 100% ดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน เวลาประมาณ 6 – 7 โมงเช้าเป็นช่วงที่เหมาะแก่การดื่ม เพราะจะทำให้เราขับถ่ายได้ดี เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในการเผาผลาญพลังงาน ดื่มบ่อย ๆ จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี เป็นการควบคุมน้ำหนักง่าย ๆ โดยใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องกลัวผลค้างเคียง แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
เมื่อดื่มไปสัก 2 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผล หน้าท้องจากป่องๆจะลดลง เพราะขิงจะไปละลายไขมันในเส้นเลือดทำให้สมองปลอดโปร่ง ดื่มน้ำขิงแบบนี้ติดต่อกันเพียง 1 เดือน จะเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย น้ำหนักจะลดลง ผิวจะเนียนละเอียดขึ้น ช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน รอบเอวจะลดลง เมื่อดื่มน้ำขิงติดต่อกันนานกว่าครึ่งปีขึ้นไป จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ผิวดูกระจ่างใสยิ่งขึ้นอีกด้วย
ข้อแนะนำ สำหรับการเลือกดื่มน้ำขิงเพื่อควบคุมน้ำหนัก
จะเห็นได้ว่า น้ำขิง มีสรรพคุณที่ใช้ดื่มเพื่อควบคุมน้ำหนักได้ และขิงยังเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย หากได้ลองแล้วจะต้องติดใจแน่ ๆ และน้ำขิงจะเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกคนนึกถึง เมื่ออยากใช้ดูแลสุขภาพ หรือควบคุมน้ำหนักแน่นอน หากกำลังต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือต้องการที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจากภายใน สามารถดื่มน้ำขิงตามสูตรที่ให้ไว้ได้เลย
แนะนำว่า ควรรับดื่มน้ำขิงแบบไม่ผสมน้ำตาลจะได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด หากดื่มไม่ไหวจริง ๆ ก็แนะนำเลี่ยงน้ำตาล เป็นน้ำผึ้งพอได้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่ทางที่ดีหากจะเลือกเติมความหวาน ใช้เป็นหญ้าหวาน ก็จะดีกว่า
แต่ใช่ว่าน้ำขิงจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ขนาดนั้น ยังไงก็ควรเลือกทานอาหารควบคุมน้ำหนัก ร่วมด้วย อย่างเช่น การเลือกรับประทานอาหารคลีน หรือ อาหารทำเอง โดนเลือกใช่เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ และลดอาหารที่มีไขมันสูง และอย่าละเลยการทานโปรตีน ไฟเบอร์ และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน การออกกำลังกายก็ยังจำเป็น ที่จะต้องทำควบคู่ไปด้วย และดื่มน้ำขิงหลังจากทานอาหารแต่ละมื้อ คุณก็จะมีน้ำหนักตัวตามที่ปรารถนา แม้ว่าคุณจะต้องใช้ความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คุ้มค่ามากทีเดียว เพื่อให้บรรลุหมายในการลดน้ำหนักแบบเห็นผลชัดขึ้น
ประโยชน์อื่นๆที่ได้จากการดื่มน้ำขิง
สรรพคุณของขิงนั้น ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น ช่วยบรรเทาอาการ ไม่ว่าจะช่วยฆ่าเชื้อโรค หรือต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ อาการแพ้ท้อง ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม ฤทธิ์ในการกระตุ้น การขับน้ำดี ในการช่วยย่อยอาหารและสลายไขมัน และประโยชน์จากขิงอีกมากมาย เช่น
- ช่วยขับเสมหะ
- ช่วยขับลมในกระเพราะ
- ช่วยระบบย่อยอาหาร
- ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง (ขิงแก่)
- ช่วยป้องกันแก๊สและอาการท้องอืดได้
- ขิงช่วยต้านแบคทีเรียที่เกิดจากอาการท้องเสีย
- น้ำขิงสดช่วยลดการระคายเคืองจากอาการไอ เจ็บคอ
- การกินขิงสดช่วยลดแรงกดทับระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร
- ช่วยเร่งการหดตัวของกระเพาะอาหารที่ใช้ในการย่อยอาหาร
- ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดไขข้อจากโรคข้อเข่าเสื่อม และโรคเกาต์
- ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคหอบหืด
- ขิงช่วยลดการอักเสบในเซลล์กล้ามเนื้อของทางเดินหายใจ
- ช่วยป้องกันการถูกทำลายของข้อต่อ
- น้ำขิงช่วยลดอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ ในหญิงตั้งครรภ์
- ช่วยป้องกันและรักษาอาการอักเสบ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระดูก มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ และขิงยังช่วยไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
- ขิงช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ
- ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด
- ช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดคืน
- ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการมึนงง และชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
- ช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ในตับ
- ช่วยป้องกันเลือดอุดตัน
- ช่วยลดความดันโลหิตสูง
- ช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น
- ช่วยลดความอยากอาหาร เร่งการเผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนัก (ขิงสด)
- ขิงช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในเพศชาย
- ช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิและการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิในเพศชาย
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในอัณฑะ
ดังนั้น เห็นไหมว่าน้ำขิงมีประโยชน์จริง ๆ ได้ทั้งหุ่นสวยและสุขภาพดีกันเลยทีเดียว เห็นควรต้องรีบหาน้ำขิงมาดื่มให้ไวที่สุดเป็นดี และดื่มน้ำขิงกันบ่อย ๆ ดีกว่า รับรองว่าไม่ผิดหวัง นั่นก็เพื่อคุณจะได้มีหุ่นที่ผอมเพรียวตามที่ตั้งใจ และยังสุขภาพดีอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง
[1] ขิง
[2] Adiponectin, the past two decades
[3] เทอร์โมเจนิน
[4] คอร์ติซอล ฮอร์โมนความเครียด ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ทำให้เครียด!
[5] สารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอย่างไร?
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ